บริษัท เคไคลเมท 1.5 จำกัด (“บริษัท”) เป็นผู้ประกอบธุรกิจบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คำนวณ ประมวลผล วิเคราะห์ รายงานการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณและเคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของท่าน บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับจะถูกนำไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์และเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”) ฉบับนี้ขึ้นเพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิต่างๆ ของท่านตามกฎหมาย

  1. นโยบายฉบับนี้ใช้กับใครบ้าง

    นโยบายฉบับนี้ใช้สำหรับท่าน หากท่านเป็นบุคคลตามประเภทใดประเภทหนึ่งหรือหลายประเภท ดังนี้

    1.1

    ลูกค้าบุคคลธรรมดาของบริษัท เช่น ผู้ซึ่งใช้หรือเคยใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ผู้ติดต่อสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการ ผู้ที่รับทราบข้อมูลผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการผ่านช่องทางต่าง ๆ

    1.2

    บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้านิติบุคคลของบริษัท หรือนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท เช่น ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน หุ้นส่วน ตัวแทน ผู้ที่ได้รับมอบหมาย พนักงาน และเจ้าหน้าที่

    1.3

    บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท เช่น ผู้ติดต่อลูกจ้าง พนักงาน เจ้าหน้าที่ บุคลากร บุคคลที่ลูกค้าของบริษัทแนะนำหรืออ้างอิง คู่ค้า เช่น ซัพพลายเออร์ สปอนเซอร์ ตัวแทนจำหน่าย ผู้ขาย ผู้รับจ้าง ผู้ให้บริการ ผู้ซื้อ เป็นต้น บุคคลที่ได้เข้าชมเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม หรือบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของ บริษัท ที่ปรึกษาด้านวิชาชีพ และบุคคลธรรมดาอื่นในทำนองเดียวกัน

    1.4

    บุคคลธรรมดาทั่วไป เช่น บุคคลที่บริษัทมีความสัมพันธ์ ปฏิสัมพันธ์ ติดต่อกันโดยประการอื่น หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทหรือที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมาทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ว่าผ่านช่องทางใด

  2. ช่องทางในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้

    (1)

    ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้แก่บริษัทโดยตรง หรือให้ผ่านบริษัท หรือมีอยู่กับบริษัททั้งที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ ติดต่อ เยี่ยมชม เข้าร่วมกิจกรรม ค้นหา ผ่านช่องทางให้บริการ และ / หรือ ช่องทางการติดต่อต่าง ๆ ของบริษัท เช่น สำนักงานใหญ่ เว็บไซต์ แพลตฟอร์ม บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของบริษัท จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ โทรสาร ไปรษณีย์ ข้อความสั้น (SMS) แบบสอบถาม นามบัตร การประชุม อบรม สัมมนา งานอีเว้นท์ สันทนาการ กิจกรรมส่งเสริมทางการตลาด การพบปะ หรือช่องทางอื่นใด

    (2)

    ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น เช่น หน่วยงานของรัฐ บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น ผู้ให้บริการทางการเงินและผู้ให้บริการอื่น ๆ ของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจและผู้ให้บริการของพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทที่ร่วมออกผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการกับบริษัท ผู้ให้บริการข้อมูล ลูกค้าของบริษัท บุคคลหรือนิติบุคคลที่มาทำธุรกรรมกับบริษัท (ในฐานะที่ท่านเป็นบุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมดังกล่าวตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น) สื่อสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์มออนไลน์ของบุคคลภายนอก แหล่งข้อมูลสาธารณะ (เช่น ราชกิจจานุเบกษา) ผู้มีอำนาจหรือมีสิทธิตามกฎหมาย บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่บริษัทมีนิติสัมพันธ์ด้วย เป็นต้น

  3. ข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย

    3.1

    ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่

    3.1.1

    บุคคลธรรมดา คือ ลูกค้าบุคคลธรรมดาของบริษัท บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม ของบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท และบุคคลธรรมดาทั่วไป

    • ข้อมูลส่วนตัว เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ ชื่อกลาง นามสกุล นามแฝง (หากมี) เพศ อายุ วันเดือนปีเกิด อาชีพ ตำแหน่งงาน ระดับการศึกษา สัญชาติ ประเทศที่พำนัก ลายมือชื่อ ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ (เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาวีซ่า สำเนาใบต่างด้าว สำเนาใบอนุญาตทำงาน สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ หรือเอกสารระบุตัวตนที่มีลักษณะเดียวกัน)
    • ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามเอกสารสำคัญ ที่อยู่อาศัยปัจจุบัน และที่อยู่ในประเทศตามสัญชาติ สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร ที่อยู่อีเมล หรือบัญชีสำหรับการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ (เช่น บัญชีผู้ใช้ Facebook ไอดีไลน์ (LINE ID))
    • ข้อมูลทางเทคนิค อุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP address หรือ MAC address) ล็อก (Log) ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ (log-in) ระยะเวลาที่เข้าถึง การใช้งานและระยะเวลาการใช้งาน เว็บไซต์ ข้อมูลการเรียกดู รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ บนอุปกรณ์ที่ท่านใช้ในการเข้าถึงแพลตฟอร์ม และข้อมูล ทางเทคนิคอื่น ๆ จากการใช้บนแพลตฟอร์มและระบบปฏิบัติการ
    • ข้อมูลอื่น ๆ เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท เอกสารเพิ่มเติมประกอบคำขอใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ ข้อมูลอื่นจากพันธมิตรทางธุรกิจ ข้อมูลจากโครงการพิเศษร่วมผลตอบรับและความคิดเห็น ต่อการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ ข้อมูลคะแนนการประเมินลูกค้า ข้อมูลพฤติกรรม ความคิดเห็น ความชื่นชอบบนสื่อสังคมออนไลน์ ข้อร้องเรียน คำขอใช้สิทธิใบแจ้งความ หมายขอเอกสารจากหน่วยงานทางการ และบันทึกการสื่อสารหรือการโต้ตอบระหว่างท่านกับบริษัท บันทึกเสียง ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว คลิป ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    3.1.2

    บุคลากรของนิติบุคคล คือ บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้านิติบุคคลของบริษัท หรือนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท

    • ข้อมูลส่วนตัว เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ ชื่อกลาง นามสกุล นามแฝง (หากมี) เพศ วันเดือนปีเกิด อายุ สถานภาพทางการสมรส ลายมือชื่อ ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ (เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาวีซ่า สำเนาใบต่างด้าว สำเนาใบอนุญาตทำงาน สำเนาทะเบียนบ้าน หรือเอกสารที่ใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนที่มีลักษณะ เดียวกัน) ข้อมูล KYC และ CDD อื่นๆ เป็นต้น
    • ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามเอกสารสำคัญ ที่อยู่อาศัยปัจจุบัน และที่อยู่ในประเทศตามสัญชาติ สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร ที่อยู่อีเมล
    • ข้อมูลการทำงาน เช่น อาชีพและสาขาอาชีพตำแหน่ง อายุงานปัจจุบัน รายละเอียดงาน ประเภทธุรกิจ
    • ข้อมูลที่ปรากฎในเอกสารประกอบการทำธุรกรรม เช่น หนังสือรับรองบริษัท บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หนังสือมอบอำนาจ หนังสือจดทะเบียนพาณิชย์
    • ข้อมูลอื่นๆ เช่น ข้อมูลที่มีการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยโดยเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับบริษัท เช่น ข้อมูลที่นิติบุคคลให้แก่บริษัทในสัญญา รายละเอียดเรื่องร้องเรียนหรือการออกความเห็น ผลประเมินการสำรวจความคิดเห็น ข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท

    3.2

    ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Personal Data) คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนด เป็นการเฉพาะ โดยบริษัทไม่มีเจตนาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนจากท่าน หากแต่ในบางกรณี บริษัทอาจจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนจากท่านเพื่อประกอบการให้บริการหรือผลิตภัณฑ์แก่ท่าน เช่น ศาสนาตามสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือเชื้อชาติตามสำเนาหนังสือเดินทางของบางประเทศ ข้อมูลประวัติอาชญากรรม เป็นต้น โดยบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน ต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต โดยจะดำเนินการเป็นคราวๆ ไปเมื่อต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนจากท่าน (ต่อไปในนโยบายฉบับนี้หากไม่กล่าวโดยเฉพาะเจาะจงจะเรียกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนข้างต้น รวมกันว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”)

    3.3

    ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือ คนเสมือนไร้ความสามารถ บริษัทไม่มีเจตนาที่จะเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เว้นแต่บริษัทจะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ หรือการใดๆ ซึ่งผู้เยาว์อาจให้ความยินยอมโดยลำพังได้ตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) และ / หรือดำเนินการภายใต้ ฐานทางกฎหมายอื่น ๆ หากบริษัททราบว่าบริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ โดยปราศจากความยินยอมของผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ หรือผู้เยาว์ที่อาจให้ความยินยอมโดยลำพังได้ตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) และไม่สามารถอาศัยฐาน ทางกฎหมายอื่นได้ บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

    3.4

    ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามอื่นใด หากท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามอื่นใด ซึ่งเป็นบุคลากรของนิติบุคคล และ / หรือ ที่เกี่ยวข้อง กับท่านแก่บริษัท เช่น ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน บุคคลในครอบครัว บุคคลอ้างอิง คู่ค้า และ / หรือ บุคคลอื่นใดตามเอกสารการทำธุรกรรมของท่าน เป็นต้น ขอให้ท่านโปรดแจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบเกี่ยวกับ รายละเอียดตามนโยบายฉบับนี้ และขอความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้นหากจำเป็น หรือกำหนดฐานทางกฎหมายอื่น เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทสามารถเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามเหล่านี้ได้

  4. บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง

    บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วย กฎหมายของบริษัท ซึ่งรวมถึงการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อดำเนินการตามความยินยอม ของท่าน และ/หรือเพื่อดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่น ๆ โดยวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้ มีดังนี้

    ทั้งนี้ วัตถุประสงค์บางประเภทดังต่อไปนี้อาจใช้บังคับกับบางท่านและอาจไม่ใช้บังคับกับบางท่าน โปรดพิจารณาลักษณะ วัตถุประสงค์ตามความสัมพันธ์ระหว่างท่านและบริษัท เป็นรายกรณีไป

    4.1

    วัตถุประสงค์ที่อาศัยความยินยอม

    4.1.1

    การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนที่บริษัทไม่สามารถอาศัยฐาน ทางกฎหมายอื่น นอกเหนือจากการขอความยินยอมได้ วัตถุประสงค์ดังกล่าว ได้แก่

    • ข้อมูลศาสนาและเชื้อชาติ (ตามสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาหนังสือเดินทางของบางประเทศ ที่บริษัทจำเป็นต้องใช้เป็นหลักฐานในการพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคลเท่านั้น)

    4.1.2

    การวิเคราะห์ วิจัย และ / หรือ จัดทำข้อมูลทางสถิติ รวมถึง เพื่อการพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ ของบริษัท บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย พันธมิตรทางธุรกิจ และ / หรือนิติบุคคลอื่น ที่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย

    4.1.3

    การดำเนินการทางการตลาด การนำส่งข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการสิทธิพิเศษในการเข้าร่วม กิจกรรมที่บริษัท บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย พันธมิตรทางธุรกิจ และ / หรือ นิติบุคคลอื่น จัดขึ้น รวมถึงข่าวสาร คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และโปรโมชั่นที่คัดสรรอย่างเหมาะสม และการออกกลยุทธ์ทางการตลาดที่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย ทั้งนี้ บริษัทอาจขอความยินยอมโดยตรงจากท่านหรือผ่านบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย พันธมิตรทางธุรกิจ และ/หรือนิติบุคคลอื่น เป็นคราวๆ ไป

    4.2

    วัตถุประสงค์ที่อาศัยฐานทางกฎหมายอื่น นอกเหนือจากการขอความยินยอม

    4.2.1

    การดำเนินการก่อนเข้าทำสัญญากับบริษัท เช่น การให้คำปรึกษา คำแนะนำ และ/หรือ ข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้อง กับผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ การตรวจสอบคุณสมบัติ การตรวจสอบสถานะของลูกค้านิติบุคคล การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลหรือเอกสาร การพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคล การ pre - fill ข้อมูลส่วนตัว /ข้อมูลเพื่อการติดต่อของลูกค้าเพื่อการอำนวยความสะดวกในการสมัครผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการของบริษัท

    4.2.2

    การดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาให้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่างๆ เช่น การติดต่อสื่อสาร การรับส่งเอกสารหรือพัสดุ การประมวลผลคำขอและการดำเนินการตามกระบวนการพิจารณาอนุมัติคำขอ การเข้าทำสัญญา ข้อตกลง และ/หรือ นิติกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้อง การลงทะเบียนใช้ผลิตภัณฑ์ บริการ และ/หรือ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท

    4.2.3

    การส่งมอบผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่าง ๆ ตามสัญญาที่ท่านได้ทำไว้กับบริษัท เช่น การดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้ใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ (เช่น การสมัครเพื่อใช้บริการ การเปลี่ยนแปลงข้อมูล) การมอบสิทธิประโยชน์และการดำเนินการให้เป็นไปตามสิทธิประโยชน์ของลูกค้า การจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า การดำเนินธุรกรรมหลังการขาย การอำนวยความสะดวกลูกค้า การให้คำปรึกษาหรือแนวทางการจัดการความเสี่ยง การจัดการข้อร้องเรียน แก้ไขปัญหา การดำเนินการตามคำขอลูกค้า การติดตามการปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการการยุติการบริการ

    4.2.4

    การดำเนินการทางการตลาดที่ไม่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย เช่น การนำส่งข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรม งานอีเว้นท์ หรือการประชุมที่บริษัทจัดขึ้น (รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเข้าร่วมกิจกรรม เช่น การลงทะเบียนเข้างาน) การนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และ / หรือ สิทธิพิเศษที่ท่านร้องขอ หรือการแจ้งสิทธิประโยชน์ของท่าน การนำเสนอผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการประเภทเดียวกัน / ใกล้เคียงกับที่ท่านมีอยู่กับบริษัท หรือบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย การติดต่อในกรณีที่ท่านยังสมัครใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการไม่สำเร็จ (drop-off) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ท่านในกรณีที่ท่านต้องการสมัครใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการประเภทเดียวกันกับบริษัทอีกครั้งหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์ และ / หรือบริการอื่นที่น่าจะอยู่ในความสนใจของท่าน

    4.2.5

    การวิเคราะห์ข้อมูลและการทำวิจัยที่ไม่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย เพื่อใช้ในการพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการภายในบริษัทเอง เช่น การวิเคราะห์ วิจัย จัดทำข้อมูลทางสถิติ การจัดทำรายงานสำหรับการใช้ภายในบริษัท จัดทำแบบจำลอง

    4.2.6

    การดำเนินงานอื่น ๆ ของบริษัท เช่น การรักษาผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย การจัดทำฐานข้อมูลลูกค้า การเก็บบันทึกข้อมูลลงระบบหรือฐานข้อมูล การแจ้งเตือนชำระหนี้หรือต่ออายุผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการต่าง ๆ การติดตามทวงถามหนี้ การประเมินความพึงพอใจภายหลังใช้ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ การดำเนินคดีหรือกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การร่วมงาน การประสานงาน และ/หรือ การมอบหมายงานให้ผู้อื่นดำเนินการแทนหรือร่วมกับบริษัท (เช่น เพื่อการสนับสนุนการส่งมอบผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ) การโอนสิทธิ และ/หรือ หน้าที่การบริหารกิจการของบริษัท และบริษัทในกลุ่มธุรกิจ ทางการเงินธนาคารกสิกรไทย การวางแผนการดำเนินงาน การเตรียมการ และ/หรือ การบริหารจัดการ งานภายในของบริษัท การใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) การควบคุมการเข้า-ออกสถานที่ทำการของบริษัท การจัดการเรื่องร้องเรียน หรือการจัดการเหตุการณ์กระทำผิดต่อกฎหมาย (เช่น การทุจริต การฟอกเงิน การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง การก่ออาชญากรรม การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งรวมถึง การวางแผนการจัดการ การตรวจสอบ การเฝ้าระวัง การเก็บหลักฐาน การรายงาน และ/หรือ การดำเนินการตรวจจับ) การบริหารความเสี่ยงบริษัท การกำกับตรวจสอบภายในบริษัท การเก็บบันทึกทรัพย์สิน การทำฐานข้อมูลด้านความเสี่ยงธุรกิจต่อบริษัท การดำเนินการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดการระบบสื่อสาร และการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและภัยคุกคามทางไซเบอร์ของบริษัท

    4.2.7

    การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย และ/หรือ การปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตาม คำสั่งศาล คำสั่งของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลบริษัท เจ้าพนักงานของรัฐที่มีอำนาจตาม กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายระบบการชำระเงิน กฎหมายภาษีอากร กฎหมายป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กฎหมายล้มละลาย และกฎหมายอื่นๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว ทั้งที่ใช้บังคับอยู่แล้วในขณะนี้ ที่จะแก้ไขเพิ่มเติม หรือที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต

    4.2.8

    การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล ทั้งนี้ หากบริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านสำหรับการปฏิบัติ ตามสัญญาที่ท่านได้ทำไว้กับบริษัท และ/หรือการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท แต่ท่านไม่ให้ข้อมูล ส่วนบุคคลเหล่านั้นแก่บริษัทเมื่อมีการร้องขอ บริษัทอาจจะไม่สามารถพิจารณาอนุมัติหรือส่งมอบ/จัดหา ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการบางส่วนหรือทั้งหมดให้แก่ท่านได้

  5. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ใครบ้าง

    บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นตามแต่ความสัมพันธ์และการทำธุรกรรมของท่าน ภายใต้ความยินยอมของท่านหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ เช่น บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการภายนอก ตัวแทนของบริษัท ผู้รับจ้างช่วงงานต่อ สถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายนอก บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ บริษัทข้อมูลเครดิต บุคคลตามที่กฎหมายกำหนด ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ผู้สนใจจะเข้ารับโอนสิทธิ และ/หรือผู้รับโอนสิทธิในธุรกรรมหรือการควบรวมกิจการต่าง ๆ ของบริษัท นิติบุคคล/บุคคลใดๆ ที่มีความสัมพันธ์หรือมีสัญญาอยู่กับบริษัท ซึ่งรวมตลอดถึง ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา/ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทและของบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว โดยบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอมหรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือในบางกรณี ท่านอาจอยู่ภายใต้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเหล่านั้นอีกด้วย โดยที่ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ

    กรณีเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บุคคลหรือหน่วยงานอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดของผู้รับข้อมูล เช่น เพื่อการส่งเสริมการขาย การประชาสัมพันธ์ หรือการเสนอผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการจากผู้รับข้อมูลให้แก่ท่าน บริษัทจะแจ้งรายชื่อผู้รับข้อมูลให้ท่านทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจให้ความยินยอม

  6. บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศหรือไม่

    บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนแพลตฟอร์มคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ หรือไปยังพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งที่ร่วมมือกันในการจัดหาผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการ และพันธมิตรทางธุรกิจที่ออกผลิตภัณฑ์ร่วมกัน และ/หรือ ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น

    กรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ บริษัทจะดูแลให้มั่นใจว่าการส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เช่น มีข้อตกลงกับผู้รับข้อมูลในประเทศดังกล่าว เพื่อยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองภายใต้มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่ากับประเทศไทย หรือในกรณีที่ผู้รับข้อมูลเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย บริษัทอาจเลือกใช้วิธีการ ดำเนินการให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของกลุ่มธุรกิจทางการเงิน (Binding Corporate Rules) ที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและจะดำเนินการให้การส่งหรือโอน ข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยที่อยู่ต่างประเทศเป็นไปตามนโยบายการ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลก็ได้

  7. การใช้งานคุกกี้ และ / หรือ เทคโนโลยีที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน

    บริษัทอาจเก็บรวบรวมและใช้งานคุกกี้ และ / หรือ เทคโนโลยีอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เมื่อท่านมีการใช้งานเว็บไซต์ และ / หรือ แพลตฟอร์มของบริษัท รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการของบริษัทผ่านช่องทางดิจิทัล และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การเก็บรวบรวมคุกกี้ และ / หรือ การใช้งานเทคโนโลยีอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน จะช่วยให้บริษัทสามารถจดจำการใช้งานและความชื่นชอบของท่าน รวมถึงการวิเคราะห์ความสนใจของท่านเพื่อปรับปรุง และพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ และ / หรือ แพลตฟอร์มของบริษัท ให้ตอบสนองต่อความต้องการ และการใช้งานของท่าน เพื่อให้ท่านได้รับได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้งานเว็บไซต์ และ / หรือ แพลตฟอร์มของบริษัท ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก “นโยบายการใช้คุกกี้” ของบริษัท Company's Cookie Policy

    นอกจากนี้ บริษัทอาจมีการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนของท่านแก่ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น Google ทั้งในและต่างประเทศ โดย Google จะมีการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือเพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น คุกกี้ และ / หรือ Software Development Kit (SDK) ในการติดตามและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง กับกิจกรรมการใช้งานของท่านบนเว็บไซต์และ / หรือแพลตฟอร์มของบริษัท ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด การวิเคราะห์ข้อมูลของ Google ได้ที่หัวข้อ “How Google uses data when you use our partner's sites or apps” ที่ www.google.com/policies/privacy/partners หรือ URL อื่นตามที่ Google กำหนด

  8. บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานเท่าใด

    บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระหว่างที่ท่านเป็นลูกค้าหรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ และเมื่อท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์ กับบริษัท บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นตามระยะเวลาที่จำเป็นตามอายุความ หรือระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น

    • จัดเก็บไว้ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 5-10 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์ตามแต่กรณี
    • จัดเก็บไว้ตามกฎหมายระบบการชำระเงิน กฎหมายการบัญชี กฎหมายภาษีอากร 10 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์

    ทั้งนี้ บริษัทจะมีการดำเนินการในขั้นตอนที่เหมาะสม เพื่อทำการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูล ที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว โดยในกรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูล ส่วนบุคคลไว้แก่บริษัทแล้ว แต่ต่อมาท่านมิได้เข้าเป็นลูกค้าหรือมีความสัมพันธ์กับบริษัท บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูล ส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันที่ท่านได้เข้าสมัครกับบริษัท

  9. บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

    บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Administrative Safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (Physical Safeguard) เพื่อธำรงไว้ซึ่งความลับ ความถูกต้อง ครบถ้วน สภาพความพร้อมใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกัน การเข้าถึง เก็บรวบรวม เปลี่ยนแปลง แก้ไข ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด รวมถึงบริษัทได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิด ข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

    นอกจากนี้ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทมีหน้าที่ต้องรักษาความลับ ข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทกำหนดขึ้น

  10. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง

    สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายที่ท่านควรทราบ โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนด ของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัท กำหนดขึ้น และในกรณีท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือถูกจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมตามกฎหมาย ท่านสามารถขอใช้สิทธิโดยให้บิดามารดา ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือมีผู้อำนาจกระทำการแทนเป็นผู้แจ้งความประสงค์

    10.1

    สิทธิขอถอนความยินยอม : หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ โดยการถอน ความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่ได้กระทำขึ้นก่อนการถอนความยินยอม

    ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านในส่วนที่เกี่ยวข้องและจำเป็นกับการขอรับบริการ อาจส่งผลให้ธนาคารไม่ สามารถปฏิบัติตามสัญญาหรือให้บริการกับท่านได้ หรืออาจส่งผลให้ธุรกรรมหรือกิจกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ถูกระงับ หรือหยุดลงชั่วคราว หรืออาจส่งผลกระทบต่อท่านในการรับทราบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการต่าง ๆ เช่น ท่านจะไม่ได้รับข้อเสนอผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ สิทธิประโยชน์ โปรโมชั่นหรือข้อเสนอใหม่ๆ ไม่ได้รับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่ถูกใจมากยิ่งขึ้นและสอดคล้องหรือตรงตามความต้องการของท่าน หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสาร คำแนะนำอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนถอนความยินยอม

    10.2

    สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร

    10.3

    สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคล นั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติรวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านในรูปแบบดังกล่าว ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถ ดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

    ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือ บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็น คู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด

    10.4

    สิทธิขอคัดค้าน : ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงาน ที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถ แสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่า หรือเป็นไปเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี

    นอกจากนี้ ท่านยังมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้น เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง

    10.5

    สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคล เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตาม วัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้าน ตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว

    10.6

    สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่าง ตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอใช้สิทธิคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัท หมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน

    10.7

    สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

    10.8

    สิทธิร้องเรียน : ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัท อาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือ คำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น หากบริษัทปฏิเสธคำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย

    ทั้งนี้ ท่านสามารถดำเนินการขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ที่ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านช่องทางอีเมล ตามที่อยู่อีเมล kclimate1.5@kasikornbank.com โดยสิทธิขอถอนความยินยอม สิทธิขอเข้าถึง สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล สิทธิขอคัดค้าน สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล สิทธิขอแก้ไขข้อมูล มีระยะเวลาดำเนินการ 30 วัน (นับแต่วันที่ท่านได้ยื่นคำขอและเอกสารประกอบครบถ้วน) และสิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล มีระยะเวลาดำเนินการ 90 วัน (นับแต่วันที่ท่านได้ยื่นคำขอและเอกสารประกอบครบถ้วน) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.kclimate1point5.com/

  11. บริษัทจะแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่

    บริษัทอาจพิจารณาทบทวนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราวตามความเหมาะสมและเท่าที่ กฎหมายอนุญาต ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการแก้ไข เพิ่มเติม ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ บริษัทจะดำเนินการประกาศนโยบายฉบับปัจจุบันให้ท่านทราบบนเว็บไซต์ของบริษัท https://www.kclimate1point5.com/page/TH/privacy-policy.html

  12. ท่านจะติดต่อบริษัท และเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้อย่างไร

    หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัท และ/หรือ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านช่องทางดังนี้

    • เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านช่องทางอีเมล ตามที่อยู่อีเมล
      kclimate1.5@kasikornbank.com

    สถานที่ติดต่อ : บริษัท เคไคลเมท 1.5 จำกัด เลขที่ 1 ซอยราษฎร์บูรณะ 27/1 ถนนราษฎร์บูรณะ แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร 10140